วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

Mazda 2 ใหม่















Mazda ประเทศไทย ได้ข้อสรุปเรื่องการเปิดตัวรถเล็กอย่าง Mazda 2 ที่เตรียมออกมาชน Honda Jazz และ Toyota Yaris หรือแม้แต่รถเล็กในระดับใกล้เคียงกัน งานนี้ Mazda จัดให้ในราคาเริ่มต้นที่ 5.5-5.7 แสนบาท สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา รุ่น S MT โดยมีราคารุ่นท็อปสุดอยู่ที่ประมาณ 7.15 แสนบาท คือรุ่น R AT ซึ่ง Mazda เตรียมเผยโฉมในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ แต่ตอนนี้ผู้ที่สนใจสามารถทำการจองได้ทุกโชว์รูมครับ



มาสด้า เตรียมเปิดตัวมาสด้า 2 รุ่นเล็ก ตั้งราคาหายใจรดต้นคอฮอนด้า แจ๊ซ ประเดิม 4 รุ่นให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ เริ่มต้นที่ 5.5 แสนบาท ต่างจากแจ๊ซหมื่นกว่าบาท พร้อมเผยโฉมทุกโชว์รูม 6 พ.ย. ศกนี้ เปิดจองได้ทุกโชว์รูมแล้ว



แหล่งข่าวจากบริษัทมาสด้า ประเทศไทยฯ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มาสด้าได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่มาสด้า 2 ในตลาดประเทศไทย โดยขณะนี้ได้สรุปรายละเอียดการเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย เพื่อขออนุมัติจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นในเร็วๆนี้





ทั้งนี้ราคาจำหน่ายของมาสด้า 2 นั้นเริ่มต้นที่ 5.5-5.7 แสนบาท ในรุ่นเกียร์ธรรมดา รุ่น S MT ตามด้วยรุ่น S AT นั้นราคาเพิ่มขึ้นเป็น 5.87-6.07 แสนบาท ส่วน 2 รุ่นท็อปนั้นราคา 6.40-6.60 แสนบาทในรุ่น V AT และ 6.95-7.15 แสนบาทในรุ่นท็อปสุด R ATที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งรวมทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว กุญแจรีโมต จอแสดงอัตราการบริโภคน้ำมัน เครื่องเล่นซีดี 6 แผ่น และปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย




“ตอนนี้ได้เปิดรับจองจากลูกค้าแล้ว โดยราคาจำหน่ายของมาสด้า 2 เมื่อเปรียบเทียบกับรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน อย่างฮอนด้า แจ๊ซที่เป็นเจ้าตลาดนั้นจะเห็นว่าราคาไม่แตกต่างกันมาก โดยมาสด้า 2 จะถูกกว่าเล็กน้อย และได้เปรียบในเรื่องความสดใหม่และหน้าตาที่โฉบเฉี่ยว ทั้งนี้มาสด้าจะเน้นการทำตลาดในรุ่นท็อป 2 รุ่น เป็นหลักถึง 70% ของยอดขายทั้งหมด”แหล่งข่าวกล่าวและว่า





สำหรับแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ขนาดเล็กของมาสด้านั้น ได้ถูกกำหนดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดตัว แต่กำหนดการนำรถมาโชว์ตามโชว์รูมทั่วประเทศนั้น คาดว่ามาสด้า ประเทศไทยพร้อมที่จะส่งรถให้ดีลเลอร์ทั่วประเทศราว 6 พ.ย. ศกนี้ ซึ่งเป็นช่วงของฤดูการขาย คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายของมาสด้าให้กระเตื้องขึ้นอย่างมากในช่วงปลายปีนี้










อย่างไรก็ตามรถรุ่นที่จะนำมาเปิดตัวนี้จะเป็นแบบ 5 ประตูเพียงอย่างเดียว ส่วนแบบที่เป็น 4 ประตูนั้น ยังไม่มีกำหนดการที่เปิดตัว แต่คาดว่าพร้อมที่จะเผยโฉมและจำหน่ายในประเทศไทยได้ภายในปี 2553
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า สำหรับมาสด้า 2 นี้ ได้ติดตั้งเครื่องยนต์รุ่น 1.5 ลิตร จะมีระบบ Variable Induction System ติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อกำลังที่ต่อเนื่องทุกช่วงรอบการทำงาน โดยมีกำลัง 103 แรงม้า แรงบิด 13.9 กก.-ม.














สำหรับยอดจำหน่ายรวม รถมาสด้าประจำเดือน กรกฎาคม2552 ที่ผ่านมานั้นพบว่ายอดขายได้ กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 15 เดือน ด้วยยอดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 816 คัน เติบโตเพิ่มเกือบ 15 % ตัวเลขดังกล่าวมาจากกลุ่มรถกระบะ มาสด้า บีที- 50 เป็นหลัก ด้วยยอดขาย 442 คัน ส่วนเก๋งมาสด้า 3 ทำตัวเลขแตะ 367คัน





อนึ่ง มาสด้า 2 นี้ประกอบขึ้นจากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง ซึ่งรุ่นที่จะเปิดตัวนี้เป็นแบบ 5 ประตู ส่วนแบบ 4 ประตูนั้นยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน และสำหรับโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ นี้ เป็นโรงงานร่วมทุนระหว่างฟอร์ดและมาสด้า ซึ่งในส่วนของฟอร์ดนั้นก็มีแผนการประกอบรถฟอร์ด เฟียสต้า เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงต้นปี 2553 โดยรถทั้งสองรุ่นนี้จะผลิตเพื่อป้อนตลาดต่างประเทศด้วย ทั้งในภูมิภาคอาเซียนออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้





ที่มา: หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2458 03 ก.ย.- 05 ก.ย.2552





nissan march


′นิสสัน′ ประกาศคลอด′อีโคคาร์′ ก่อนทุกค่ายแน่นอน ดีเดย์ต้นปีหน้า ฟุ้งคืบหน้าไปแล้ว 80% เชื่อผลจากข้อกำหนดผลิต 5 แสนคันใน 5 ปีดันตลาดส่งออกคึกคัก





นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ รองผู้จัดการใหญ่ รัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความคืบหน้าของโครงการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์ของนิสสันว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วมากกว่า 70-80% แล้ว และเชื่อว่าจะสามารถอวดโฉมอีโคคาร์ได้ภายในปี 2553 อย่างแน่นอน




"เรามั่นใจกับโครงการนี้มาก ต่างจากค่ายอื่นที่เข้าร่วมขอรับการส่งเสริมทั้ง 6 ราย คงจะยังไม่มีใครกล้าออกมาประกาศอย่างเป็นทางการ เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้อาจจะมีบางค่ายต้องเลื่อนแผนการส่งรถยนต์อีโคคาร์ออกไปซะด้วยซ้ำ โดยเฉพาะค่ายรถจากญี่ปุ่นทั้ง 4 ราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายบริษัทแม่ของแต่ละค่าย เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาทุกค่ายต่างก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจการเงินของโลกเช่นเดียวกัน แต่สำหรับนิสสันนั้นขอยืนยันว่า ไม่มีการเลื่อนแผนงานโครงการอีโคคาร์แต่อย่างใด"


นางเพียงใจกล่าวว่า อีโคคาร์นิสสันเดินตามแผนทุกอย่างและยังยึดถือข้อกำหนดเดิมทุกประการ ก่อนได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ บริษัทขอยืนยันว่า นิสสันพยายามสนองนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มที่ วันนี้รัฐบาลมีแผนงานในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ดีและชัดเจน โดยเฉพาะในปี 2553 ที่ประเทศไทยจะมีโปรดักต์แชมเปี้ยนตัวใหม่ และเป็นโอกาสและถือเป็นความหวังสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สำหรับรถยนต์อีโคคาร์ ที่จะช่วยผลักดันให้ไทยสามารถขยับอันดับการเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์สำคัญของโลกขึ้นไปอยู่อันดับที่ 14 ได้อย่างแน่นอน สำหรับโปรดักต์แชมเปี้ยนตัวใหม่นี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความหวังของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เนื่องจากอีโคคาร์นี้ในส่วนของภาครัฐเองก็มีความพยายามที่จะสร้างให้เป็น


"นิชมาร์เก็ต" คือเป็นรถที่มีคุณภาพด้วยข้อกำหนด สเป็กที่สมบรูณ์แบบด้วยความเป็นรถยนต์ที่มีขนาดเล็กและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประกอบกับแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นอีกปัจจัยที่เชื่อว่าผู้บริโภคจะหันมาสนใจรถยนต์อีโคคาร์มากขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าโอกาสของรถประเภทนี้ยังมีสูง รวมถึงเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทย


นางเพียงใจกล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยข้อกำหนดของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนหรือ บีโอไอนั้น จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ตลาดส่งออกของประเทศไทยกลับมามีความคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะข้อกำหนดที่ทุกค่ายจะต้องมีการผลิตอีโคคาร์จำนวน 500,000 คัน ภายในระยะเวลา 5 ปีนั้น จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ค่ายรถยนต์ทั้ง 6 ค่ายต้องพยายามผลักดันและมองหาตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้น และนั่นคือโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วย ส่วนสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ เชื่อว่ายอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศจะอยู่ที่ 488,000 คัน ส่งออก 592,000 คัน ส่วนปีหน้าสำหรับตลาดส่งออกเชื่อว่าจะมีความคึกคักอีกครั้งอย่างแน่นอน